เปิดไทม์ไลน์ย้อนปัญหา “พยาบาลไตเทียม” ร้องศาลปกครอง หนึ่งใน “แรงงานสาธารณสุข” ที่หลายคนอาจมองข้าม
วันแรงงานที่ผ่านมา(1 พ.ค.68) เกิดปรากฎการณ์ที่เห็นเด่นชัดว่า บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข คือ แรงงาน ในระบบสาธารณสุขอย่างแท้จริง นั่นคือ การเรียกร้องของกลุ่มพยาบาลไตเทียม ที่ปฏิบัติงานในห้องฟอกไตของสถานพยาบาลต่างๆ จำนวนราว 1,000 คน กำลังประสบปัญหาการทำงาน จนต้องออกมาเรียกร้อง พร้อมยื่นเรื่องร้องต่อศาลปกครองขอให้ระงับประกาศกระทรวงสาธารณสุข และข้อบังคับของสภาการพยาบาลที่มีผลต่อการปฏิบัติงาน “พยาบาลห้องฟอกไต”
“เรามายื่นร้องต่อศาลปกครองครั้งนี้ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บังคับใช้และมีผลต่อการปฏิบัติงานของพยาบาลไตเทียมราว 1,000 คน ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง เพราะประกาศดังกล่าวยึดโยงกับข้อบังคับของสภาการพยาบาลที่ให้พยาบาลไตเทียม ต้องขึ้นทะเบียนเป็น ‘พยาบาลเวชปฏิบัติการบำบัดทดแทนไต’ ” พิราวรรณ ศรีไหม ตัวแทนพยาบาลห้องฟอกไตที่ได้รับผลกระทบ เล่าถึงที่มา พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า
จากประกาศดังกล่าว พวกตนไปยื่นขึ้นทะเบียนกลับไม่ผ่านการรับรอง เพราะระบุว่าหลักสูตรที่พวกตนเรียนกันมา เป็นหลักสูตรเก่า ไม่รับรองตามหลักสูตรใหม่ กลายเป็นว่า พยาบาลไตเทียมที่ทำงานในห้องฟอกไต ดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังกันมาเป็น 10-20 ปี ไม่ผ่านการรับรองของสภาการพยาบาล ต้องเรียนหลักสูตรใหม่ตามประกาศฉบับใหม่ ซึ่งค่าอบรมสูงถึง 40,000 บาท หากไม่ผ่านหลักสูตรนี้ก็แสดงว่า ไม่สามารถทำงานได้ถูกต้องตามกฎหมาย หากยังทำได้ก็ต้องทำภายใต้ความเสี่ยง กลายเป็นพยาบาลที่ไม่มีวิชาชีพรองรับ ทำงานไร้การคุ้มครองจากวิชาชีพ หากหยุดทำงานก็จะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยโรคไต
แม้ล่าสุดสภาการพยาบาล จะออกแถลงผ่านเพจเฟชบุ๊กของสภาฯ ระบุถึงแนวทางช่วยเหลือ คือ เตรียมเปิดหลักสูตรพยาบาลเฉพาะทาง ในลักษณะเทียบโอน ซึ่งหลักสูตรนี้จะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากสภาการพยาบาล ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดทำและรับรองหลักสูตรเทียบโอน พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่า ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อปี 2551-2552 สภาการพยาบาลได้ช่วยแก้ไขปัญหานี้มาครั้งหนึ่งแล้ว ตามที่พยาบาลผู้เชี่ยวชาญไตเทียมกลุ่มหนึ่งที่ประสบปัญหาดังกล่าวร้องขอ โดยได้จัดโครงการพิเศษสำหรับพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านไตเทียม เป็นหลักสูตรที่สภาการพยาบาลรับรอง โดยขณะนั้นมีพยาบาลกลุ่มนี้เข้าเรียนและสอบผ่าน จำนวน 813 คน และล่าสุดปี 2568 นี้ สภาฯ จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้อีกครั้ง
(ข่าวเกี่ยวข้อง : พยาบาลโรคไตร้องศาลปกครอง ขอไต่สวนฉุกเฉิน เหตุรับผลกระทบจากประกาศกระทรวงฯ ฉบับใหม่)
เพื่อให้เห็นถึงสาเหตุของปัญหา ผู้สื่อข่าว Hfocus จึงได้สรุปไทม์ไลน์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ร่วมกับการสอบถามข้อมูลจากทางผู้แทนพยาบาลไตเทียม โดย Time Line พยาบาลเวชปฏิบัติการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2519 จนถึงปี 2568 ดังนี้
พ.ศ.2519:ก่อตั้งมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย
พ.ศ.2520-2530: เริ่มการฝึกภายใน รพ.ราชวิถี มูลนิธิโรคไต รพ.สงฆ์ และรพ.ต่างๆ ผลิตพยาบาลดูแลผู้ป่วยฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
พ.ศ.2535:เริ่มเปิดอบรมหลักสูตรไตเทียม 4 เดือน ตามโรงเรียนแพทย์ เช่น รพ.จุฬาลงกรณ์ รพ.ศิริราช วชิรพยาบาล รวมถึงมูลนิธิโรคไต โรงพยาบาลสงฆ์ และตามโรงเรียนแพทย์ในภูมิภาค เช่น รพ.มหาราชนครเชียงใหม่(มช.) รพ.ศรีนครินทร์ (มข.) เป็นต้น
พ.ศ.2538:เปิดให้มีการสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรพยาบาลผู้เชี่ยวชาญไตเทียม จากสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย รุ่นที่ 1 โดยมีข้อกำหนดว่าต้องมีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 5 และหรือผ่านการอบรมหลักสูตรไตเทียม 4 เดือน
พ.ศ.2552-2553:สภาการพยาบาล ประกาศให้มีการอบรมและสอบวัดความรู้(โครงการพิเศษ) หลักสูตรเฉพาะทางสภาการพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการบำบัดทดแทนไต(เฉพาะผู้ผ่านการประกาศนียบัตรพยาบาลผู้เชี่ยวชาญฟอกเลือด)
*จัดเพียง 2 ปี หลังจากนั้นไม่เคยเปิดหลักสูตรอีก
พ.ศ.2554:มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดมาตรฐานสถานพยาบาล กำหนดให้พยาบาลไตเทียมต้องได้รับการฝึกอบรมจากสถาบันที่ คณะกรรมการสถานพยาบาลรับรอง
*พยาบาลที่ปฏิบัติงานห้องฟอกไต ยึดปฏิบัติตามประกาศนี้มาตลอด
พ.ศ.2563: มีประกาศข้อบังคับสภาการพยาบาลเงื่อนไขการประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์(ฉบับที่5) ให้พยาบาลผู้ผ่านการอบรมเฉพาะทางไตเทียมและขึ้นทะเบียนเวชปฏิบัติการบำบัดทดแทนไต เป็นผู้ทำหัตถการการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
*ประกาศข้อบังคับฉบับนี้ทำให้ต้องมีการขึ้นทะเบียนกันใหม่ แต่ขณะออกประกาศในปีนั้นยังไม่มีหลักสูตรหรือแนวทางใดออกมา
พ.ศ.2567: สภาการพยาบาลประกาศให้แจ้งขึ้นทะเบียนเวชปฏิบัติโดยให้สมาชิกที่จบหลักสูตรก่อนปี 2566 แจ้งความจำนงผ่าน Email : [email protected] แต่ปรากฎว่า มีการปฏิเสธการขึ้นทะเบียนให้กับพยาบาลผู้เชี่ยวชาญไตเทียมมากกว่า 500 ราย โดยให้เหตุผลว่า ไม่ได้ผ่านการอบรมหลักสูตรที่สภาการพยาบาลรับรอง
*จุดนี้ทำให้เกิดประเด็นการร้องเรียนดังกล่าวขึ้น
พ.ศ.2568:มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรฐานการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในสถานพยาบาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 (ประกาศวันที่ 11 ก.พ.2568) กำหนดให้พยาบาลไตเทียมต้องได้รับการฝึกอบรมจากสถาบันที่สภาการพยาบาลรับรองเท่านั้น (เป็นการแก้ไขประกาศกระทรวงฯฉบับ พ.ศ.2554)
นอกจากนี้ สมาคมพยาบาลโรคไตแห่งประเทศไทย แจ้งว่าจะมีการ Upskill / Reskill รอหลักสูตรแล้วเสร็จภายในปี 2568 และให้เรียนหลักสูตร Advanced Cardiac Life Support (ACLS) เตรียมไว้
ขณะที่ ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดหลักสูตรฝึกอบรมพยาบาลเฉพาะทาง สาขาเวชปฏิบัติการบำบัดทดแทนไต แต่รับผู้เข้าเรียนเพียง 250 คน ซึ่งเป็นหลักสูตรเดียวในประเทศไทยที่สภาการพยาบาลยอมรับ ซึ่งเสียค่าใช้จ่าย 40,000 บาท

จากประเด็นดังกล่าว ทำให้เกิดคำถาม โดย “พิราวรรณ ศรีไหม” ผู้แทนพยาบาลไตเทียม มองว่า เหตุใดสภาพยาบาลจึงไม่ออกใบวิชาชีพพยาบาลไตเทียมให้กับคนกลุ่มนี้ ทั้งที่ผ่านการอบรมแล้ว ทำงานแล้วกล่าว 5 ปี ส่วนใหญ่อาจเกิน 10ปี คนกลุ่มนี้ผ่านการสอบวุฒิผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย กฎหมายฉบัยดังกล่าวเป็นการใช้บังคับย้อนหลัง สังคมไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการกระทำนี้ กฎหมายนี้ทำให้พยาบาลที่ปฎิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องกลายเป็นผู้กระทำผิด หรือไม่มีสิทธิ์ดูแลผู้ป่วยอีกต่อไป ทั้งทีสถานะการณ์ขณะนี้ก็มีการขาดแคลนพยาบาลไตเทียมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีวุฒิผู้เชี่ยวชาญ
“ จากปัญหาดังกล่าว ทำให้เกิดผลกระทบต่อพยาบาลไตเทียมที่ปฏิบัติงานมานานกว่า 20 ปี หลายคนจะเกษียณอยู่แล้ว แต่กลับต้องมาให้เสียค่าอบรมหลักสูตรแพงขนาดนี้ ทั้งที่โดยหลักกฎหมายใหม่ ไม่ควรมีผลย้อนหลัง แบบนี้เป็นการลิดรอนสิทธิของผู้ปฏิบัติงานหรือไม่ เราเป็นพยาบาล แต่เป็นคนทำงาน เป็นแรงงานในสาธารณสุข ไม่ควรถูกปฏิบัติเช่นนี้ และไม่เพียงส่งผลกระทบต่อวิชาชีพต่อการทำงานของพวกเรา แต่ยังส่งผลต่อผู้ป่วยโรคไต เพราะสุดท้ายหากเราไม่ได้รับการรับรอง เราก็ไม่สามารถทำงานได้ ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่” พิราวรรณ กล่าวทิ้งท้าย
(ข่าว : สภาการพยาบาลแจงอีกครั้ง! เผยทางออกช่วย ‘พยาบาลโรคไต’ รุ่นเก่าราว 1 พันคนไม่ผ่านการขึ้นทะเบียน)
